ข่าวทั่วไทย
รมว.คลังไฟเขียว!! เปิดให้ลงทะเบียน 1 เดือนเต็ม แจกเงินผู้มีรายได้น้อยรอบใหม่ รายละเอียดดังนี้..
02:02“คลัง” เตรียมต้อนผู้มีรายได้น้อยลงทะเบียนรับสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ 3-30 เม.ย.นี้ จับมือคลังจังหวัดเพิ่มทางเลือกประชาชน พร้อมจัดหนักอัดฉีดเบี้ยคนชรารายได้น้อยเพิ่ม เปิดทางคนแก่ฐานะดีสละสิทธิ์รับเบี้ยยังชีพ เตรียมตั้งกองทุนชราภาพดูแลระยะยาว
loading...
นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เห็นชอบให้ลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อยรอบใหม่วันที่ 3-30 เมษายนนี้ โดยผู้ที่ไม่เคยลงทะเบียน และผู้ที่เคยลงทะเบียนแล้ว 8 ล้านคน ต้องมาลงทะเบียนใหม่ทั้งหมดทั้งนี้ การลงทะเบียนดังกล่าวสามารถทำได้ทั้งที่ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ทุกสาขาทั่วประเทศ โดยครั้งนี้คลังจังหวัดของกรมบัญชีกลาง จะเข้ามาร่วมรับลงทะเบียนด้วย เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ลงทะเบียนมากขึ้น
นายกฤษฎา กล่าวว่า ผู้ลงทะเบียนรอบใหม่จะได้รับบัตรผู้มีรายได้น้อยประจำตัวทุกคนเพื่อเตรียมพร้อมไว้รับสวัสดิการที่รัฐบาลจะทำให้ในอนาคต เช่น การลดค่าน้ำค่าไฟฟ้า การขึ้นรถเมล์ รถไฟฟรี เป็นต้น โดยใช้บัตรดังกล่าวรูดกับเครื่องก็จะรู้ได้ทันทีว่าได้รับสวัสดิการดังกล่าวหรือไม่
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังยังอยู่ระหว่างดำเนินการให้ผู้สูงอายุที่ได้รับเบี้ยชราภาพแต่ฐานะดีสมัครใจสละสิทธิ์ เพื่อนำเงินดังกล่าวไปจ่ายเบี้ยยังชีพเพิ่มให้กับผู้สูงอายุที่ผู้มีรายได้น้อยปัจจุบันมีผู้สูงอายุเกิน 60 ปี ทั้งหมด 10 ล้านคน มี 8 ล้านคน ที่ได้รับเบี้ยคนชราเดือนละ 600-1,000 บาทต่อเดือน ในจำนวนนี้เป็นผู้สูงอายุรายได้น้อย 3.5 ล้านคน ซึ่งเบี้ยคนชราที่รับอยู่ไม่เพียงพอกับการดำรงชีพ
จากการศึกษาของกระทรวงการคลัง เบี้ยคนชราที่ผู้สูงอายุควรได้รับเดือนละ 1,200-1,500 บาทต่อเดือน ซึ่งหากผู้สูงอายุมีฐานะดีสละสิทธิ์ทั้งหมดก็จะทำให้มีเงินพอจ่ายให้กับผู้สูงอายุรายได้น้อยอย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังยังมีแผนเสนอรัฐบาลตั้งกองทุนชราภาพ โดยใช้เงินภาษีบาป สุราเบียร์ และยาสูบ ส่งเข้ากองทุนโดยตรง ส่วนหนึ่งจะนำมาจ่ายเบี้ยคนชราให้เพิ่มขึ้น
“ตอนนี้ผู้สูงอายุ 10 ล้านคน มี 2 ล้านคนที่ไม่ขอรับเงินโดยไม่มาลงทะเบียนรับเงินตั้งแต่ต้น ในจำนวน 8 ล้านคนมีมากกว่าครึ่งที่ฐานะดี ซึ่ง สศค.ต้องการเชิญชวนให้ผู้สูงอายุมีฐานะดีสละสิทธิ์การรับเบี้ยยังชีพ ซึ่งคลังอยู่ระหว่างการออกแบบใบยินยอมการสละสิทธิ์ โดยเงินดังกล่าวไปจ่ายเพิ่มให้กับผู้สูงอายุที่รายได้น้อยกว่าทันที เพื่อชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น” นายกฤษฎา กล่าว
สำหรับความคืบหน้าของโครงการแก้หนี้นอกระบบนั้น ประมาณปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ จะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ซึ่งที่ผ่านมา กระทรวงการคลังได้หารือกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพื่อปราบปรามเจ้าหนี้นอกระบบไม่ให้คิดดอกเบี้ยเกินกฎหมายกำหนด 15% ต่อปี หากต้องการคิดดอกเบี้ยเกินก็จะเชิญชวนให้มาตั้งพิโกไฟแนนซ์ ปล่อยกู้ได้อัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 36% ต่อปี ซึ่งตอนนี้มีผู้สนใจยื่นใบสมัครมาแล้ว 40 ราย และมีผู้ดาวน์โหลดแบบฟอร์มใบสมัครไปถึง 400 ราย ขณะที่การดำเนินการนาโนไฟแนนซ์ ซึ่งเป็นอีกมาตรการในการแก้ไขหนี้นอกระบบ ก็ยังมีการดำเนินการที่ดี มีการปล่อยกู้ให้กับผู้มีรายได้น้อยไปแล้ว 7.5 หมื่นราย เป็นวงเงินกว่า 2,000 ล้านบาท
อนึ่ง ก่อนหน้านี้หลังจากที่กระทรวงการคลังเปิดให้มีการยื่นเอกสารเพื่อขอใบอนุญาตจัดตั้งพิโกไฟแนนซ์ มีผู้ประกอบการยื่นขอสินเชื่อ ดังกล่าวกระจายอยู่ทั่วประเทศ เช่น กรุงเทพฯ ปทุมธานี กำแพงเพชร พิจิตร บึงกาฬ บุรีรัมย์ และภูเก็ต ทั้งนี้ พบว่าจากรายชื่อของผู้ประกอบการที่ยื่นขอใบอนุญาตพิโกไฟแนนซ์ มีผู้ประกอบการที่ประกอบธุรกิจนันแบงก์ ลิสซิ่ง รวมถึงผู้ประกอบการที่จดทะเบียนเป็นห้างหุ้นส่วน ซึ่งบางรายเชื่อว่า น่าจะเป็นเจ้าหนี้นอกระบบมายื่นขอจดทะเบียนพิโกไฟแนนซ์ กระทรวงการคลังจะเร่งตรวจสอบเอกสาร และอนุมัติผู้ที่ผ่านเกณฑ์รอบแรก โดยจะเปิดตัว และให้ใบอนุญาตผู้ประกอบการพิโกไฟแนนซ์มากกว่า 10 ราย ในวันเปิดตัวโครงการแก้หนี้นอกระบบอย่างเป็นทางการ
ขอขอบคุณที่มาจาก : manager.co.th
Cr:http://kaijeaw.com/
loading...
0 ความคิดเห็น