มีประโยชน์มาก!! นพ.กัมปนาท จิตแพทย์ชื่อดัง ยกเคส “แตงโม-เฟิร์น” เป็นคติเตือนใจสำหรับชีวิตคู่

การเลิกราของคู่รัก  แตงโม พงษ์พิสุทธิ์ กับภรรยาสาว เฟิร์น เกวรินทร์ นับว่าเป็นอีกข่าวสะเทือนวงการอีกคู่ เพราะทั้งคู่แต่งงานกันได้เพียงแค่...


การเลิกราของคู่รัก  แตงโม พงษ์พิสุทธิ์ กับภรรยาสาว เฟิร์น เกวรินทร์ นับว่าเป็นอีกข่าวสะเทือนวงการอีกคู่ เพราะทั้งคู่แต่งงานกันได้เพียงแค่ 8 เดือนก็ตัดสินใจเลิกกันและให้เหตุผลว่าเข้ากันไม่ได้จนต้องแยกทางกัน

loading...
     ซึ่งล่าสุด นพ.กัมปนาท ตันสิถบุตรกุล จิตแพทย์ชื่อดังจากโรงพยาบาลสมิติเวช และอดีตวิทยากรรายการชูรักชูรส ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว นพ.กัมปนาท ตันสิถบุตรกุล (Kampanart Tansithabudhkun, M.D.) ถึงกรณีการเลิกราระหว่างพิธีกรหนุ่ม แตงโม พงษ์พิสุทธิ์ กับภรรยาสาว เฟิร์น เกวรินทร์ ระบุว่า....


อยากให้อ่านข่าวแล้วอย่าลืมดูคลิปจนจบด้วยนะครับ...ผมว่ารายการตอนนี้มีประโยชน์ดีสำหรับคนมีคู่ครับ
    ....อยากจะขอพูดในฐานะจิตแพทย์ที่มีเคสบำบัดเรื่องชีวิตคู่มากมายมาปรึกษา ในเรื่องปัญหาตั้งแต่เล็กๆน้อยๆจนกระทั่งถึงใหญ่ๆ ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นอยู่เรื่อยๆ ตลอดเวลาซึ่งบางคู่ก็คิดว่าเป็นปัญหา....บางคู่ก็พอยอมรับได้แล้วก็ผ่านมันไปได้

.....อย่างไรก็ตามปัญหาชีวิตคู่ถ้าไม่เกิดขึ้นเลยน่ากลัวมากกว่านะครับมากกว่าการที่เรามีความขัดแย้งกันแล้วหาผลลัพธ์ จัดการแก้ไขกันได้แล้วเราจะรู้ว่า ความหนักแน่นแข็งแรงของชีวิตคู่ จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อเราฝ่าฟันอุปสรรค ฝ่าฟันกับความขัดแย้งมาด้วยกัน....โดยทั่วไปไม่มีชีวิตคู่ไหน ที่ไม่มีปัญหาหรือโรยด้วยกลีบกุหลาบหรอกนะครับ....มีเฉพาะในละคร
    ... รายการนี้ ผมดูแล้วก็ค่อนข้างชื่นชมว่านำเสนอในรูปแบบที่ค่อนข้างดีพอสมควรคือถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องความขัดแย้งในชีวิตคู่ก็จริง ซึ่งหลายๆครอบครัวก็คงจะเจอ แต่ว่ารูปแบบการนำเสนอดูแล้วไม่ค่อยเครียดสักเท่าไหร่ และแขกรับเชิญไม่ว่าจะเป็นโจทก์หรือจำเลยก็ยังมีเสียงหัวเราะแล้วก็ยิ้มได้ ที่สำคัญที่สุดต้องขอชื่นชมทั้งฝ่ายที่แสดงเป็นทนายไม่ว่าจะเป็นคุณท๊อปหรือคุณลิงทั้งสองท่านมีการตั้งคำถาม เหมือนกับการซักคดีความในศาล แต่ว่าคำถามเป็นลักษณะของการถาม แล้วเกิดประโยชน์ ให้ฉุกคิด ในหลายๆมุม ซึ่งผมมองว่าทั้งสองท่านมีความสามารถในการตั้งคำถามได้ดี โดยเฉพาะในตอนสุดท้ายที่มีการสรุปจะเห็นว่า มีข้อคิดที่ดีสำหรับชีวิตคู่มากมายนะครับ....
    ... ถ้าเรามีใจเป็นกลางแล้วลองศึกษาปัญหาชีวิตคู่ ของทั้งสองท่านนี้เราจะรู้ว่า มันไม่ได้หนักหนาสาหัสอะไรมากมายและเป็นสิ่งที่เรา สามารถฝึกคิด ในการปรับใช้ในชีวิตคู่ได้ดี เท่าที่สังเกตดูก็คือ ทั้งสองคน ยังมีพื้นฐานของความรัก และพร้อมที่จะมีการแก้ไขปัญหาและการปรับตัวได้ดี พอสมควร....ณ เวลานั้น


 .... แต่อ่านจากข่าวเห็นว่าทั้งสองคนได้มีการเลิกรากันไปแล้วซึ่งในรายละเอียดของข่าวไม่ได้เขียนถึงสาเหตุของการเลิกรา....แต่เป็นที่น่าแปลกใจว่า เพราะเหตุใดคนที่เสพข้อมูลต่างๆโดยเฉพาะชาวเน็ต ถึงไปขุดเอาเรื่องราวเก่าๆ ที่เคยออกมาในรายการทีวีไปโยงประเด็นให้เกิดความเกลียดชังฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง....คุณรู้ได้อย่างไรว่าเขาเลิกกันด้วยประเด็นนี้ ซึ่งอาจจะไม่ใช่ก็ได้นะครับ
     .....การวิพากษ์วิจารณ์แบบนี้เป็นการโยนความผิดให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งซึ่งไม่ดีเลย.....อย่าลืมนะครับชีวิตคู่...คําว่า "คู่" หมายถึง สองคน....เมื่อทั้งคู่ไม่สามารถเดินร่วมทางกันได้ ก็คงต้องเกิดปัญหาอะไรบางอย่างในสัมพันธภาพ....ซึ่งถ้าจะมีความผิดพลาดเกิดขึ้น ก็ไม่ควรจะเป็นความผิดพลาดของคนใดคนหนึ่ง มันน่าจะเป็นความผิดพลาดร่วมกันของทั้ง 2 คนมากกว่า
     .....ผมมักจะเตือนคนไข้เสมอว่า หากวันนี้ชีวิตคู่ของเราไปด้วยกันไม่ได้แล้วจะต้องมีการกล่าวโทษว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งว่ามีความผิด(ประมาณเป็นแพะรับบาป) นั่นก็คือ จะทำมีความโกรธเกิดขึ้นในใจเมื่อมีความโกรธและการไม่ยอมรับเกิดขึ้นแล้ว ไม่ว่าคุณจะเลิกรากันไปหรือไม่เลิกรากันไปยังไงคุณก็ยังคง แบกความโกรธ ไว้ไปตลอดทั้งชีวิต


 ......บางเรื่องในช่วงแรกๆอาจจะยังคงมีความโกรธได้บ้างแต่ถ้าปล่อยให้เวลาผ่านไปแล้วอารมณ์ของทั้งสองฝ่ายเย็นลง แล้วกลับมาพิจารณากันใหม่ด้วยเหตุผล เราจะรู้ว่าสาเหตุที่เราต้องเลิกรากันไปนั้นคืออะไรมากกว่าความไม่พอใจในแต่ละฝ่าย
    ....มีหลายคู่ที่มักจะพบว่าเกิดจากการที่ ทัศนคติไม่ตรงกัน เกิดการปรับตัวไม่ได้ในหลายๆเรื่อง เรียกง่ายๆคือไม่"คลิก" กัน ถ้าคิดแบบนี้ก็จะได้ยอมรับกันไปว่าจะทนอยู่กันไปให้ทุกข์ทรมานใจทำไม ในเมื่อไม่ลงรอยกันแล้วก็ควรจะไปหาคนใหม่ที่คบกัน แล้วลงรอยเหมาะสมกันมากกว่า....แต่อย่าลืมว่าอย่างที่คุณแตงโมบอกในโลกนี้ไม่มีใครที่เพียบพร้อมทุกอย่าง...
    ....ความรู้สึกส่วนตัว ต้องบอกว่าเสียดายและเสียใจที่หลายๆคู่ต้องเลิกรากันไป รวมถึงคู่คุณแตงโมและคุณเฟิร์นด้วยครับ แต่ก็เคารพในการตัดสินใจของทั้งสองฝ่าย ว่าคงมีเหตุผลจำเป็นส่วนตัวจริงๆ ที่ไม่สามารถดำเนินชีวิตคู่ต่อไปได้แล้ว...
    ....ดังนั้น คนนอกวง กรุณาอย่าวิพากษ์วิจารณ์กันให้มากจนเกินไปนะครับ การพิจารณาจากรายการโทรทัศน์ช่วงสั้นๆ คงไม่สามารถฟันธงได้ว่าอะไรคือสาเหตุที่แท้จริงของการเลิกรากัน...
    .....แต่อย่างน้อย ถ้าเราเสพรายการให้มีประโยชน์มากกว่าความบันเทิง มากกว่าความอคติเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ....เราจะได้ความรู้สำหรับการมีชีวิตคู่เพิ่มขึ้นมาอีกมากมาย และสามารถเอากลับไปพิจารณาคู่ของเราบ้างน่าจะดีกว่า รักใคร เข้าข้างใคร เพราะมีอคติประจำใจอยู่แล้ว....มักไม่ค่อยมีประโยชน์สักเท่าไรนะครับ...
    ...ขอให้โชคดีในการใช้ชีวิตคู่ในอนาคตกันนะครับ...ส่วนคนโสดก็ขอให้โสดต่อไป ...อ้าว! พูดเล่นครับ 555 ...โสดก็ดีนะ จะได้ไม่ต้องอกหัก แต่มีคู่ก็เหมือนการลงทุนซื้อล็อตเตอรี่ ก็ลุ้นไปอีกแบบ โชคดีก็แฮปปี้ไปอีกนาน...ลองเลือกเอาเองครับว่าชอบแบบไหน.
ปล.เพิ่มเติม เช้าวันที่ 24 ม.ค.60 ดูเหมือนว่าคลิปจะเปิดดูไม่ได้แล้วนะครับ น่าเสียดาย ผมว่าเป็นกรณีตัวอย่างที่น่าสนใจครับ
    มีประโยชน์มากๆ สำหรับคนที่ใช้ชีวิตคู่อยู่ตอนนี้..ก็ลองนำไปปรับใช้กันได้นะคะ

ขอขอบคุณที่มาจาก : นพ.กัมปนาท ตันสิถบุตรกุล (Kampanart Tansithabudhkun, M.D.)
Cr:http://kaijeaw.com/

loading...

You Might Also Like

0 ความคิดเห็น

Flickr Images