ข่าวทั่วไทย
สุดยอดสาวไทย นางฟ้าบาทเดียว !! ดร.แก้มหอม หมอไทยรักษามะเร็ง ไตวาย ขั้นสุดท้ายหาย ที่เดียวในประเทศไทย !??
21:47สุดยอดสาวไทย นางฟ้าบาทเดียว !! ดร.แก้มหอม หมอไทยรักษามะเร็ง ไตวาย ขั้นสุดท้ายหาย ที่เดียวในประเทศไทย !??
สุดยอดสาวไทย ดร.แก้มหอม แพทย์ทางเลือกจบปริญญาเอก 5 ใบ ด้านมะเร็งจากอเมริกา สร้างชื่อเป็นหมอคนแรกของโลกที่รักษาโรคไตหาย ได้รับรางวัลการันตีจากสมาพันธ์แพทย์สมุนไพรโลก สุดยอดมือปราบมะเร็ง รักษาผู้ป่วยมะเร็งตับระยะสุดท้ายหายมาแล้ว ฟันรายได้ที่อเมริกาเดือนเป็น 100 ล้าน แต่หอบเงินมาตั้งอโรคยารักษาฟรีที่เมืองไทย คิดเงินค่าหมอแค่ 1 บาท ตะเวนรักษาทั่วประเทศมาเป็นปี ของดีแบบนี้ไปอยู่ที่ไหนมาทำไมไม่เป็นข่าว เอ้า…แชร์วนไปให้ถึงมือคนป่วยยากไร้
loading...
ดร.แก้มหอม จบปริญญาตรี คณะบริหาร เคยทำงานที่มูลนิธิ 5 ธันวามหาราช หลังคุณพ่อเสียชีวิต ดร.แก้มหอมและครอบครัวได้ย้ายไปอยู่ที่อเมริกา จุดเปลี่ยนที่ทำให้ตัดสินใจเรียนแพทย์ทางเลือก เพราะป่วยเป็นโรคหลอดลมอักเสบ มีสิทธิ์ช็อกและตายได้ทันที จึงตัดสินใจสมัครเรียนแพทย์สมุนไพรโลกเพื่อเรียนรู้รักษาตัวเองและครอบครัว เรียน 6 ปีจบปริญญาเอก 5 ใบด้านมะเร็ง ผลิตยาสมุนไพรจำหน่าย รับรองมาตรฐานโดยอย.อเมริกา และเปิดสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมให้ความรู้ด้านสุขภาพ ตั้งใจอยากจะรักษาคนฟรีแต่ที่อเมริกาประชาชนมีสวัสดิการดี จึงหันมารักษาพระสงฆ์ที่เจ็บป่วยฟรีให้ในอเมริกา และในที่สุดก็ตัดสินใจกลับมาเปิดอโรคยาสารภี จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อรักษาผู้ป่วยยากไร้ฟรีทั่วประเทศ ถึงจะใช้เงินมากมายแต่ก็มีความสุขเพราะได้ทำเพื่อแผ่นดินเกิดเปิดประวัติก่อนจะเป็น หมอนางฟ้า “ดร.แก้ม” สาวเชียงใหม่ จบบริหารธุรกิจ
“เป็นคนเชียงใหม่ พอเรียนจบปริญญาตรี คณะบริหาร ที่มหาวิทยาลัยพายัพ ก็ไปต่อปริญญาโท คณะเศรษฐศาสตร์การเมือง ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แต่เรียนไม่จบเพราะคุณพ่อเสียชีวิตก็เลยต้องเดินทางไปอยู่อเมริกาทั้งครอบครัว
“ตอนไปอยู่อเมริกาช่วง 4 เดือนแรก ตอนนั้นลูกคนโตได้ 6 ขวบกว่า เขาต้องไปเรียนโรงเรียนของเอมริกา ทำให้ช่วง 4 เดือนแรกที่ไปอเมริกาต้องเฝ้าลูกอย่างเดียวเพราะเขายังไม่รู้ภาษาอังกฤษแต่เขาต้องเข้าเรียนเลย เราต้องไปส่งลูกแล้วเขาเลิกเรียน 14.30 น. เราก็เลยเอาเวลาช่วงที่ว่างไปเรียนคอร์สเกี่ยวกับด้านความงามเพราะมันง่ายดีและใช้เวลาน้อย ก็ได้เรียนเกี่ยวกับพวกสกินแคร์และเทอราปี้ พวกการบำบัด ทั้งอโรมาอะไรพวกนี้ เพราะคิดว่าจะไปเป็นสปาเมเนจอร์ แล้วหลังจากนั้นก็ได้ไปทำงานอยู่ที่โรงแรมฮิลตัน ก็ทำสปาอยู่พักนึง พอลูกเข้าโรงเรียนก็เริ่มมาดูตัวอื่นที่อยากจะทำ”
ป่วยหลอดลมอักเสบ มีสิทธิ์ช็อกตายได้ทุกเมื่อ
“พอไปอยู่ที่อเมริกาไม่ว่าเราจะไปทำอะไรสังคมที่เราเจอมีแต่คนป่วย แม้กระทั่งตัวเราเองก่อนเดินทางไปอเมริกาเราก็มีโรคประจำตัว ทั้งโรคกระเพราะและหลอดลมอักเสบ ต้องเข้าโรงพยาบาลทุกเดือน เวลาอากาศเปลี่ยนหรือโดนละอองน้ำนิดนึง หรือมีควันบุหรี่เราจะไอทันทีเลย เราเป็นหลอดลมอักเสบขั้นรุนแรง ไม่สามารถที่จะรักษาด้วยยาได้ ซึ่งโรคนี้อันตรายถึงตายได้เพราะในจุดนั้นคือจะช็อกเพราะเราจะหายใจไม่ออกเพราะเราจะไอจนปวดหัวปวดหลังจนทำอะไรไม่ได้ มีบางช่วงที่เราไอไม่ทันก็จะจุกอกแล้วมันจะช็อกแบบนี้เลย แล้วครอบครัวเราเป็นหมดทุกคน แม่ก็เป็น ลูกก็เป็น ตัวเราก็เป็น เรามีลูกสองคน ลูกคนโตเป็น”
“คือตอนที่เราอยู่เมืองไทยเราอยู่กรมการแพทย์แผนไทยพัฒนา กับแพทย์หญิงเพ็ญนภา ซึ่งเป็นอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยพัฒนา ดูแลโครงการพระราชดำริ เกี่ยวกับการวิจัยสมุนไพรและดอกไม้เพื่อการรักษา ก็จะมีโครงการหญ้าแฝกของกองทับบก กรมพัฒนากิจการพลเรือน ทำให้ช่วงนั้นเราได้ไปดูส่วนต่างๆ เกี่ยวกับสมุนไพร ซึ่งจะจัดเป็นโซนนิ่งภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง ภาคใต้ แต่ละที่ก็จะมีองค์ความรู้แตกต่างกัน เราก็เลยได้ดูงานประมาณ 1-2 ปี ที่ได้คลุกคลีอยู่ตรงนั้น แล้วมีมี่ก็บอกให้เราเรียนที่อเมริกาซึ่งเราก็ยังบอกเขาเลยว่าเราจะเรียนได้เหรอ เพราะเราจบปริญญาตรีทางด้านบริหารมา น้องก็บอกไม่เป็นไรพี่เริ่มต้นใหม่เลย”
ไม่มีใครแก่เกินเรียน เริ่มเรียนแพทย์ตอนอายุ 35 ปี ตัดสินใจเรียนด้านมะเร็ง เพราะคือที่สุดของโรค เราก็เลยเลือกเรียน natural cancer therapy ก็คือเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านมะเร็ง งานวิจัยเราทำทางด้านมะเร็งทั้งหมด คือการใช้สมุนไพรเพื่อการรักษามะเร็ง”
สร้างชื่อกระหึ่ม เป็นหมอที่รักษาโรคไตหาย คนแรกของโลก
“เคสโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายหายคนแรกของโลก คนไข้ชื่อพี่ทศพร เคสนี้ดังที่ลาว แต่เคสนี้อยู่ที่อเมริกา คือที่สมาคมโรคไตแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา อยู่มา 3 ปีแล้วยังไม่มีใครล้มได้ เคสนี้เรารักษาอยู่ 1 ปีกว่า และมีเคสมะเร็ง แต่เรายังรู้สึกว่าง่ายกว่านะเพราะเรายังเห็นหลายคนที่หายจากมะเร็งระยะสุดท้าย แต่โรคไตนี่ไม่เคยเห็นเลย เราประกาศในเฟซบุ๊คไปว่าใครที่หาเคสโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายที่หายแล้วไม่ฟอกไต หยุดกินยาหยุดทุกอย่าง จะจ่าย 1 แสน เพราะเราก็อยากรู้ว่าเขารักษายังไงเหมือนกัน ที่อเมริกาสถาบันโรคไตก็ประกาศมา 2 ปีแล้ว”
“เคสที่สร้างชื่อนอกจากเคสโรคไตวาย ก็จะมี เคสมะเร็งตับของคุณมานพ ที่สุพรรณบุรีที่หายขาด คุณมานพเป็นมะเร็งตับระยะสุดท้าย ตอนนี้หายขาดแล้ว คุณหมอบอกให้กลับไปดูแลตัวเองที่บ้าน สามารถลุกขึ้นมาทำงานใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติแล้ว ซึ่งมะเร็งตับเป็นมะเร็งอันดับหนึ่งของประเทศไทย อีกคนนึงเป็นตำรวจอยู่จังหวัดแพร่ คนนี้เป็นทั้งตับทั้งไต คนนี้รักษาอย่างดีเขามีเมีย 3 คนแล้วรวยมาก เป็นเคสที่บุญมีแต่กรรมบัง รักษาดีมากหลักฐานทุกอย่างมีหมด เรารักษาเขาจนหาย จากที่นั่งรถเข็นมา บอกหมดทางรักษาแล้ว เราดูแลเขาจนค่าของมะเร็งลดลง เขาสามารถไปทำงานขับรถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ แต่เขาใช้ชีวิตอย่างประมาท เราสร้างห้ามกินเนื้อสัตว์ พอหายแกก็ไปกินเนื้อสัตว์เนื้อย่างซึ่งเป็นของที่เราห้าม พอกินเสร็จก็หายใจไม่ออก ระบบย่อยไม่ได้ก็จุกอก เข้าโรงพยาบาล 3 วันตายเลย เสียดายมาก มีอีกหลายเคสจำไม่ค่อยได้เพราะมันเยอะมาก”
ฟันเงินรายได้ขายยาสมุนที่อเมริกาเดือนละ 100 ล้าน หอบเงินมารักษาฟรีที่เมืองไทย
“สมุนไพรที่อเมริกาเป็นที่นิยมมาก มูลค่าจึงมหาศาลเลยค่ะ ถามว่ารายได้ดีมั้ย เอางี้คนที่อเมริกาเป็นโรคไต 28 ล้านคน ขายยาชุดละ 1,000 ดอลลาร์ คูณ 28 ล้านคน เอาแค่ 1% พอ แล้วดีกรีเราระดับโลก เรามีเคสระดับโลก นี่เอาเฉพาะโรคไตนะคะ คนละ 1,000 ดอลลาร์ต่อเดือน แล้วมียาอื่นๆ อีก ตอนนี้เรามียาสมุนไพรอยู่ 300 ตัว ครอบคลุมแทบจะทุกโรคเลย อย่างเบาหวานเรามีตั้ง 5 สูตร รายได้เดือนนึงถ้าทำแบบสบายๆ ทำแบบขี้เกียจเลยนะ และทำแบบเอาเวลากลับมาทำบุญที่เมืองไทยด้วย ก็น่าจะ 10 ล้านดอลลาร์”
เริ่มต้นรักษาพระสงฆ์ฟรีที่อเมริกา และ กลับมาตอบแทนแผ่นดินแม่ด้วยการตั้งศูนย์ อโรคยาเดอสารภี เชียงใหม่ คนจนรักษาฟรี คิดค่าหมอ 1 บาทรักษาทุกโรค
“ตอนกลับมาแรกๆ ก็ยังไม่ได้คิดจะทำเป็นเรื่องเป็นราว แต่กลับมาเยี่ยมคนไข้ที่ลาว พอเรากลับมาคนไข้ของเราที่อเมริกา แคนาดา ไทย ลาว ก็ยังไปบอกญาตินะว่าหมอแก้มกลับเมืองไทย(หัวเราะ) ก็จะมีคนไข้ที่เป็นคนลาวและคนไทยมาหาเรา และมากันเยอะเลย ตอนนั้นไปเปิดรับตรวจที่เวียงจันทร์ไป 2 วัน มีคนไข้โรคตับมาเกือบ 100 คน พอมารักษาแล้วเขาปากต่อปากคนก็มาเรื่อยๆ กลุ่มที่มาหาเราเขารู้อยู่แล้วว่าเราเป็นใครเพราะญาติที่น้องเขาที่อเมริกา แคนาดา ที่รักษากับเราแล้วหายเขาปากต่อปากจนเขารู้จักเราหมด โดยเฉพาะเรื่องของไต เพราะเคสอยู่ที่โรงพยาบาลมิตรภาพ มีเตียงฟอกไต 150 เตียงแล้วดังมาก แล้วโรงพยาบาลเอาเคสกับรูปพี่ทศพรถ่ายเอกสารแล้วแปะทั่วโรงพยาบาลให้คนไข้โรคไตได้ดูและเป็นกำลังใจว่าสักวันจะหายเหมือนพี่ทศพร เราก็เลยไม่ต้องมานั่งอธิบายอะไรเลยว่าเราเป็นใคร เก่งยังไง เรียนจบอะไรมา คนไข้ของเราเป็นคนพูดให้ญาติๆ เขาฟังหมดเลย”
“พอคนไข้เยอะขึ้นๆ ซึ่งตอนนั้นก็รักษาฟรีอยู่ เราก็เลยไปจดทะเบียนทำให้มันถูกต้องตามกฎหมาย ก็เลยเปิดคลินิกแก้มหอมคลินิกการแพทย์แผนไทย ที่เชียงใหม่ ได้ใบอนุญาตเรียบร้อย แล้วเมื่อ 2 ปีก่อนซึ่งตรงกับวันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นวันเกิดลูกชายคนโต เราก็เลยเปลี่ยนวันแห่งความรักเป็นวันแห่งความรักสุขภาพ ก็เลยขนยาจากอเมริกามารักษาฟรี แล้วเราก็เจาะเลือดฟรี คือเราจ่ายค่าเจาะเลือดให้ด้วย แจกยาฟรี เราก็โคกับแล็บที่เชียงใหม่ แล็บที่ลำพูน แล็บที่อุตรดิตถ์ เรามีแล็บขาประจำอยู่ 3 ที่ที่เราโคกันไว้ เงื่อนไขคือคนเป็นคนจน ไม่มีเงินรักษา (แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าเขาจน?) ช่วงแรกๆ เราเชื่อใจคนไข้ค่ะ เรามีลิมิตยาของเราอยู่แล้วที่เขาขนมารักษา”
ตั้งเป้าเปิดโรงเรียนสอนหลักสูตรแพทย์แผนไทย พร้อมกับดึงหลักสูตรของต่างชาติเข้ามาเสริม โดยในรั้วโรงเรียนจะมีสถานพยาบาลอยู่ในที่เดียวกัน ซึ่งเป็นแห่งแรกของประเทศไทย
“ตอนนี้เราได้อาจารย์วัลลภมาช่วยทำหลักสูตรแพทย์แผนไทยซึ่งจะยกหลักสูตรมาเลย ที่ประเทศไทยยังไม่มีโรงเรียนที่สอนพร้อมกับมีสถานพยาบาลข้างใน เราก็เลยจะสร้างเป็นแห่งแรกที่อโรคยา เป็นปริญญาตรี เราไม่ใช่แค่สอนแต่มีเคสให้นักเรียนด้วย คนจะเก่งไม่ใช่เรียนจากตำราอย่างเดียวต้องเจอเคสด้วย แล้วเรามีเคสในมือมากมาย อาจจะไม่ใช่หลักสูตรอเมริกาทั้งหมดเพราะมันต้องหาคนที่เก่งระดับอเมริกามาสอน เพราะจะสอนทั้งหมดเราก็ไม่ไหว แต่เราจะเอาอาจารย์ต่างชาติที่เก่งๆ มาสอนจะได้มาตรฐาน และจะไม่สอนเฉพาะคนไทยแต่เราจะเปิดเป็นตลาดAEC ตอนนี้เตรียมสร้างตึกสร้างอะไรไว้แล้ว ตอนนี้เราใช้หลักสูตรเก่าซึ่งเป็นหลักสูตรตามกระทรวงแพทย์แผนไทยที่มีอยู่แล้วมาสอน แต่เราจะเอาหลักสูตรของต่างชาติเข้ามาเสริม”
เป้าหมายสูงสุดคือสร้างเมืองไทยให้เป็นศูนย์กลางการให้บริการด้านสุขภาพและรักษาพยาบาล เพื่อตอบแทนแผ่นดินเกิด
“เราหวังว่าเมืองไทยจะเป็น Healthy Hub ก็อยากให้คนไทยช่วยกัน ฉะนั้นเราจะเป็นศูนย์กลางที่เป็นไอเดียของนวัตกรรมอยากให้ไทยแลนด์เป็น Healthy Hub เป็นจุดศูนย์กลางของAECเมื่อคนนึกถึงการรักษาทางด้านธรรมชาติร่วมกับการแพทย์ทันสมัย ประเทศไทยก็จะมีรายได้เพิ่มขึ้นแล้วมันก็จะต่อไปได้อีก ไม่ใช่แค่การท่องเที่ยว แต่คนจะมาเพื่อบำรุงรักษาตัวเอง เพราะฉะนั้นอาหารการกินองค์รวมทุกอย่างก็จะทำให้ประเทศไทยมีสภาพที่ดี เปลี่ยนความคิดที่บอกว่าจะเที่ยวผู้หญิงต้องมาเมืองไทย เรามาเปลี่ยนภาพให้เป็น ถ้ายูอยากมีสุขภาพที่ดียูต้องมาเมืองไทย ไทยมีศูนย์การแพทย์ มีหมอที่มีชื่อเสียงระดับโลก ให้ไทยได้โปรโมทในด้านนี้บ้าง ซึ่งเราหวังว่าที่เราสร้างมาระดับโลกจะเป็นประโยชน์ต่อเมืองไทย (มีเหตุผลอะไรทำไมถึงคิดทำเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ถ้าให้มองอันนี้คืองานระดับชาติ ระดับนายกรัฐมนตรีที่จะลงมาวางแผนพัฒนาประเทศ ทั้งที่จริงๆ เราอยู่กับครอบครัวใช้เงินที่มีสบายๆ ไม่ต้องมาทำขนาดนี้ก็ได้?) อยากจะทำให้ค่ะ เพราะแค่เราหลับตาแล้วขึ้นเครื่องกลับอเมริกาก็จบ เพราะเราไม่มีอะไรต้องห่วงที่เมืองไทย ลูกเต้าก็อยู่ที่โน่นหมดไม่มีอะไรที่เป็นสายใยกับที่นี่นอกจากเราอยากจะคืนอะไรให้กับเมืองไทย อยากทำให้กับแผ่นดินเกิด”
Cr:http://www.naarn.com/13155/
loading...
0 ความคิดเห็น