หลังจากที่เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ถอดสมณศักดิ์ ‘พระธัมมชโย‘ ออกจาก'พระเทพญาณมหามุนี' เหตุไม่ยอมมอบตัวตามหมายเรียก และได้หลบหนีคดีดังกล่าว จึงไม่สมควรดํารงอยู่ในสมณศักดิ์ต่อไป




หลังจากนั้น 6 มีนาคม 2560 ก็ได้มีแชร์ข้อความจากเฟสบุ๊คของนักแต่งเพลงชื่อดัง "นิติพงษ์ ห่อนาค" โดยได้โพสต์ความคิดเห็นเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวไว้ ดังนี้สิ่งต่อไปนี้ มิได้ขัดกับเจตนารมณ์และนโยบายส่วนตัว...จึงขอ "แถ" นิดหนึ่ง เพื่อที่จะเขียนสิ่งต่อไปนี้นะจ๊ะ...เพราะว่าสถานการณ์เริ่มเปลี่ยนไป...


อ่านจากเรื่องราวที่เกิดขึ้น...
นับตั้งแต่มีพระบัญชาจากสมเด็จพระญาณสังวรฯ สังฆราชองค์ก่อน..ว่าให้ภิกษุนามไชยบูลย์ ถึงแก่ปาราชิก...
แล้วมหาเถรสมาคม รวมทั้งสำนักงานพระพุทธศาสนาในบ้านในเมือง...ก็วางเฉย เพราะทั้งพระทั้งเจ้าหน้าที่ ได้รับอามิสมากน้อยตามแต่...อ้างว่าเป็นลิขิตปลอมบ้าง

ในมหาเถรสมาคมนั้น มีทั้งพระที่สมถะ ทำงานตามแนวทางพุทธปรัชญา และมีทั้งพระที่ทำงานด้วยอามิส และอำนาจ ซึ่งแน่นอนว่า พระประเภทหลังจะมีจำนวนและอิทธิพลมากกว่า...

เงินซื้อพระได้....เงินซื้อตำแหน่งให้พระได้...แล้วให้ไปมีอำนาจในวงการสงฆ์..

ยศช้าง ขุนนางพระ...

เรื่องเช่นนี้ ช้าง ดีกว่าพระ เพราะ ช้างทรงของเจ้านาย ไม่ได้สนใจยศ ไม่ได้ต้องการลาภสักการะ มากไปกว่ากล้วย อ้อย เท่า ๆ กับช้างเชือกอื่นธรรมดาตอนฉันบวชนะ ถึงแค่ไม่นาน...แต่ก็ได้ยินเรื่องการวิ่งเต้นขอเป็นเจ้าคณะอำเภอ การได้พัดยศ จนการผลักดันพระพวกพ้องให้ได้เป็นผู้เป็นใหญ่ ใน มหาเถรสมาคม...ได้ยินมามาก..กับหู

เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน ท่านไม่ได้ทรงแทรกแซงอันใด ถ้า มส. หรือ สำนักพุทธฯ ทูลเกล้าเสนอ ท่านก็พระราชทานไปตามนั้น

สถานะนี้ของฉันนะ...พูดแบบไม่มีโทสะ...

ช่วงนี้ เป็นช่วงที่โอกาสเหมาะสมที่สุด ที่จะสังคายนาศาสนาพุทธในเมืองไทย..

จากวันที่ คนไทยได้แต่มองหน้ากันอ้ำอึ้ง ว่า เราจะมีสังฆราชองค์ที่ตาโตกับทองเป็นตัน จริงหรือ ด้วยแค่คำว่า อาวุโสสูง และเป็นอำนาจของ มส.

บัดนี้ เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินทรงแสดงความเด็ดเดี่ยว ทำแทนทูลกระหม่อมพ่อซึ่งภายหลังพระชนมายุมากและอ่อนล้าเกินจะทรงจัดการได้...

ทรงขอพระราชอำนาจคืนจาก มส. ที่มีชื่อย่อมาจาก มาเฟียสงฆ์...แล้วทรงสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชที่คนไทยปลาบปลื้มที่สุดพระองค์หนึ่ง...

มีคนแอบมาเหน็บว่า...สมเด็จฯ อัมพร ก็เป็น มส. เหมือนกัน...โทษทีนะ ท่านไม่มีอะไรหนุน ทั้งเงินทอง และอำนาจ ท่านก็ทรงเป็นน้ำน้อย..ในกลุ่มไฟวันนี้ ฉันดีใจ...ที่เปลี่ยนคนดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาเสียที มันดูแลแต่สำนักงาน แต่มันไม่ดูแลพระพุทธศาสนา...ฟังแล้วหงุดหงิด

ล่าสุด....ความเด็ดเดี่ยวของเจ้าเหนือหัว ก็ได้มีพระบรมราชโองการให้เอายศช้างขุนนางพระ ออกจากชื่อไป...
ตอนนี้ไชยบูลย์ ถ้านับตามลิขิตพระสังฆราชองค์ก่อน ที่ มส. สิบปีก่อนไม่ทำตาม...ไชยบูลย์เป็นฆราวาสแล้ว เป็นฆราวาสที่รวย หน้าใส

แต่ มส. ไม่ทำตามพระลิขิต วันนี้ไชยบูลย์ยังเป็นพระภิกษุอยู่ ตามบัญญัติศรีธนญชัย

ที่สำคัญคือ....ตอนนี้ ไม่มีประโยชน์จะประนามใครทั้งสิ้นจ้ะ ไม่ว่าอะไรก็ตามตอนนี้ คงต้องเป็นเรื่องช่วยกัน ให้ทุกอย่างมันจบสิ้นโดยเร็ว และถูกต้องตามกบิลเมือง....

ที่สำคัญอีกข้อคือ...คงไม่ใช่เรื่องสะใจ ว่าพระเทพญาณฯ ถูกถอดยศ แล้วยิ่งเยาะเย้ยกัน เป็นฝักเป็นฝ่าย...

จับประเด็นให้ชัดเจนอย่างเดียว....
พระไชยบูลย์ ทำผิดกฎหมาย ต้องไปชำระคดีความ

ส่วนศิษยานุศิษย์ ผู้ที่กราบไหว้พระไชยบูลย์ มิได้เป็นคนเลวร้ายอันใด เขามีสิทธิ์ที่จะรัก บูชา ยึดมั่น กับบุคคล กับสถานที่ กับวิธีที่ทำให้จิตใจของพวกเขาเหล่านั้น มีความสุขได้...โดยที่คนอื่น ไม่อาจไปตัดสินได้ว่าเขาต้องมีตรรกะเหมือนเช่นที่เราคิดหรือไม่...

เพราะฉะนััน...ถ้าฉันขอได้นะแม่ประไพนะ...

คือแม้ว่า สิ่งนี้จะเป็นเกมอะไรก็ไม่รู้...
ถ้าผลที่เกิดขึ้นแล้วได้อย่างใจเรา แต่ไม่ได้อย่างใจเขา..
ก็อย่าเยาะเย้ยถากถางเลยกันเลยนะ...

พระเทพญาณฯ ตอนนี้เหลือแค่เป็นพระไชยบูลย์ ก็เป็นไปตามนั้นละกัน..

พูดแค่นี้แหละ ถือเป็นข่าวนะ....ไม่ใช่อารมณ์...
คือ ไม่อยากให้พวกเราได้ดังใจแล้ว ยิ่งไปขย่มหัวใจผู้ที่ต้องกล้ำกลืน

เอาแค่อะไรถูก ก็ถูก พอละ จะได้มีที่เหลือว่างไว้บ้าง สำหรับการปรองดอง...

รักนะ...ภาเวนะ สัตตาโสตถิ ภะวันตุเต...




ข้อมูล ทีนิวส์

เครดิต :

Cr:http://tnews.teenee.com/