“ขอบคุณเธอที่ทิ้งกันไป” หนุ่มช้ำรัก!! แฟนที่คบตั้งแต่ม.4บอกเลิก แอบไปคบรุ่นพี่ที่ทำงาน เจ้าตัวไม่ยอมจมปลัก…เดินหน้าเปลี่ยนตัวเองทุกอย่างจนต้องร้องโอ้โห!!

เรียกได้ว่าได้ใจชาวเน็ตไปจำนวนไม่น้อย หลังจากสมาชิกเว็บไซต์พันทิปรายหนึ่ง ได้ออกมาโพสต์เล่าเรื่อง หลังตนเองถูกแฟนที่คบกันมาตั้งแต่เรียนมั...


เรียกได้ว่าได้ใจชาวเน็ตไปจำนวนไม่น้อย หลังจากสมาชิกเว็บไซต์พันทิปรายหนึ่ง ได้ออกมาโพสต์เล่าเรื่อง หลังตนเองถูกแฟนที่คบกันมาตั้งแต่เรียนมัธยมบอกเลิก จนนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของตัวเอง ผ่านกระทู้ “เมื่อจุดจบของความรัก กลายเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิต” .. ขอบคุณเธอคนนั้น ที่ทิ้งกันไป



loading...

โดยเขาเล่าว่า เมื่อก่อนผมเคยคิดว่า ถ้าเรารักใครซักคน ไม่ว่าเค้าเป็นยังไงเราก็จะยังรักเค้า ต่อให้เราเจอคนที่ดีกว่าเค้าอีกซักกี่คน เราก็จะยังเลือกเค้า ไม่เปลี่ยนใจแน่นอน เพราะเราเลือกแล้วว่าจะใช้ชีวิตกับคนนี้ หรือถ้าเค้ารักผมจริงๆ ไม่ว่าผมจะเป็นยังไง ขี้เหร่ อ้วน หน้าสิว จน หรือไร้หนทางแค่ไหน เค้าก็จะต้องไม่ทิ้งผม ต่อให้มีคนที่เพียบพร้อมกว่าผมทุกอย่างมารักเค้า เค้าก็ต้องเลือกผมอยู่วันยันค่ำ


แต่วันหนึ่งของเดือนนี้เมื่อปีที่แล้ว ผู้หญิงคนนึงที่ผมรักมาตลอดชีวิต ก็สอนให้ผมได้รู้ว่า ในโลกความเป็นจริง มันไม่ได้ง่ายแบบนั้น บางครั้งความรักความซื่อสัตย์และคำสัญญาที่เคยให้กัน มันก็กินไม่ได้ เมื่อมีสิ่งที่ดีกว่าเข้ามา มันคงไม่ผิดอะไร ที่เค้าก็ต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ชีวิตตัวเองอยู่แล้ว

ผมคบกับแฟนคนนี้มาตั้งแต่เรียน ม.4 เริ่มต้นจากศูนย์มาด้วยกัน ผมไม่ใช่คนหล่ออะไร หน้าตาธรรมดา ผิวสองสี หน้ามีหลุมมีสิวบ้างตามวัยแต่ก็ไม่ได้น่าเกลียดมาก แฟนผมก็เป็นผู้หญิงหน้าตาธรรมดา แต่รูปร่างดี ผิวพรรณดี บุคลิกดี ผมพยายามค้นรูปคู่เก่าๆในคอมดูก็ไม่เหลือเลย เพราะถ่ายรูปด้วยกันน้อยมาก และถ้าหาเจอก่อนหน้านี้ ผมก็ลบเองไปหมดแล้ว

ตอนนั้นพวกเรายังเป็นแค่เด็กมัธยมยังมองความรักเป็นเรื่องสวยงาม บริสุทธิ์ใจ เราช่วยเหลือกันเรื่องการเรียน ติวหนังสือด้วยกัน ทำรายงานด้วยกัน เที่ยวเล่นกัน ไม่มีอะไรมากไปกว่าความหวังดีต่อกัน พอขึ้นม.6 เราก็ช่วยกันติวข้อสอบ จนได้เข้าไปเรียนที่คณะเดียวกัน มหาวิทยาลัยเดียวกันทั้งคู่ เรียกได้เราว่าโตขึ้นมาเคียงข้างกันตลอด ถึงตอนนี้เราเริ่มมีการคุยเรื่องอนาคตด้วยกันมากขึ้นตามอายุแล้วครับ พอเริ่มเข้ามหาวิทยาลัยแฟนผมเริ่มดูแลตัวเองมากขึ้น แต่งหน้า แต่งตัวมากขึ้น เรียกได้ว่ากลายเป็นผู้หญิงสวยตัวท็อปคนนึงเลยล่ะครับผิดกับผม ที่เป็นผู้ชายธรรมดาสุดๆ


ไม่เคยสนใจเรื่องรูปร่างหน้าตาของตัวเองเลย แต่งตัวก็เชยๆ เวลาใครแซวเรื่องนี้ผมก็จะตอบกลับไปว่า ไม่หล่อแต่มีแฟนแล้วเว้ย สวยด้วย ไม่เห็นต้องแต่งหล่อไปให้ใครดูเลย (เรื่องนี้ผมพลาดเองจริงๆ ผมไม่คิดเลยว่า แฟนผม เค้าก็อาจจะอยากมีแฟนหล่อๆ หรือดูดีบ้างเหมือนกัน) เวลาเดินไปไหนมาไหนด้วยกันสังเกตได้เลยว่าจะมีคนมองพวกเราตลอด มองแฟนผม แล้วก็มองผม ผู้ชายบางคนก็มองแฟนผมแบบไม่เกรงใจผมเลย เค้าคงคิดไม่ถึงมั้งว่าเราจะเป็นแฟนกัน คงไม่คิดว่าคนสวยๆแบบนี้จะเป็นแฟนกับผู้ชายเห่ยๆอย่างผม หลายครั้งผมก็รู้สึกว่าผมไม่คู่ควรกับเค้า เค้าจะอายใครมั้ยเวลาเดินกับผม แต่เค้าก็ทำให้ผมมั่นใจมาตลอดว่าเค้ารักผมจริงๆ เค้ารักที่ผมเป็นผมแบบนี้ ไม่ต้องพยายามเปลี่ยนตัวเองให้ดีเหมือนใคร

ความรักของเรายังดำเนินต่อไปปกติ มีทะเลาะกันบ้างตามประสาแต่ไม่เคยเป็นเรื่องใหญ่อะไร ผมคิดว่าเราคบกันมานานขนาดนี้มันเป็นสิ่งที่มีค่ามากๆ อะไรยอมได้ก็ยอม ประคับประคองกันมาตลอด จนเราทั้งคู่เรียนจบมหาวิทยาลัย และเข้าสู่วัยทำงาน นี่เป็นครั้งแรกที่เราสองคนจะต้องห่างกันจริงๆ เพราะเราทำงานกันคนละที่ จากที่เคยเจอกันทุกวัน ก็กลายเป็นเจอกันแค่อาทิตย์ละครั้ง

ผมทำงานจันทร์-เสาร์ งานของผมค่อนข้างจะยุ่งมากๆ ทำให้ผมยิ่งละเลยกับการดูแลตัวเองมากกว่าเดิมอีก และที่แย่ที่สุดคือ ผมแทบไม่มีเวลาดูแลแฟนอย่างที่เคย ทำได้แค่แชทหากัน คอลไลน์กันแค่นั้น บางวันก็แทบไม่ได้คุยกันเลยเพราะเวลาว่างเราไม่ค่อยตรงกัน ยิ่งช่วงหลังเราต่างคนต่างมีภาระบวกกับความเคยชินของคนที่คบกันมานานๆ มันเลยทำให้เราค่อยๆคุยกันน้อยลงแบบไม่รู้ตัว แฟนผมทำงานอยู่บริษัทเอกชนขนาดใหญ่ เลิกงานเป็นเวลา อยู่ในสังคมที่ผู้หญิงรักสวยรักงาม ต้องดูแลตัวเองอยู่ตลอด ทำให้เค้าสวยดูดีขึ้นทุกวัน

หน้าที่การงานก็ดี เงินเดือนมากกว่าผม มีเงินเก็บของตัวเองเหลือเฟือ พูดง่ายๆว่าดูมีอนาคตกว่าผมทุกอย่าง แต่ทุกครั้งที่ผมถามว่าเค้ายังรักผมอยู่มั้ย เค้าก็ยังตอบเหมือนเดิมคือ รัก เค้ารักผมเหมือนเดิม ให้ผมสบายใจได้

จนวันนึง ผมโทรไปหาเค้าเพื่อบอกว่าจะไปหาตามปกติ แต่เหมือนเค้าจะไม่สบายใจ ฟึดฟัดไม่ค่อยอยากให้ผมไปหา แต่สุดท้ายก็ตกลงได้ นัดเจอกันเหมือนทุกครั้งครับ พอไปถึงผมก็เข้าไปในห้องตามปกติ แต่ความรู้สึกของผมคือครั้งนี้ห้องมันเหมือนมีบางอย่างไม่ปกติ สภาพห้อง กลิ่นอาย ข้าวของ มันดูแปลกตาไม่รู้ว่าผมคิดไปเองเพราะความกังวลเล็กๆที่มีในใจตัวเองอยู่แล้วรึป่าว แต่ที่ชัดเจนเลยคือท่าทางของแฟนผมไม่เหมือนเดิม เค้าดูไม่ค่อยสนใจ ไม่ค่อยตอบสนองกับคำพูดของผมเหมือนที่เคย เหมือนมีเรื่องอะไรในใจ

ผมเริ่มรู้สึกแปลกๆ แต่ก็ยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการเลิกราอะไรนะครับ สักพักก็มีโทรศัพท์สายนึงเข้ามา แล้วแฟนผมเค้าลุกออกไปรับสายที่นอกระเบียง จังหวะนี้แหละผมเริ่มรู้สึกหวั่นวิตกเล็กๆ เหงื่อเริ่มออกมือ ทุกอย่างมันเริ่มชัดเจน ทีนี้เริ่มไม่สบายใจ มองไปรอบๆห้อง เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับตัวเองว่า “มันไม่มีอะไรหรอก ผมแค่คิดมากไปเอง” จนผมเหลือบไปเห็นขวดโรลออนผู้ชายขวดนึง วางปนกับเครื่องสำอางแฟนผมหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง เอาเข้าจริงๆ ตอนนั้นยังคิดไปเลยว่าเรามาลืมโรลออนไว้ที่นี่ด้วยหรอ หรือแฟนผมอาจจะซื้อเอาไว้ให้ผมใช้ก็ได้ ในชีวิตจริงเหตุการณ์นี้มันเกิดขึ้นเร็วมากๆครับ ตอนที่ผมกำลัง งง กับขวดโรลออนปริศนาอยู่ แฟนผมก็รีบเดินมาบอกกับผมตรงๆว่า


           
“เราเลิกกันนะ” , “เค้ามีคนอื่นแล้ว ขอโทษสำหรับทุกอย่าง เราคงไปกันไม่รอดหรอก” คำพูดประโยคนี้มันยังติดอยู่ในหัวของผมอยู่เลย พร้อมกับทิ้งขวดโรลออนปริศนาไว้ให้ผมคิดมากต่างๆนาๆ ผมก็ไม่อยากถาม เพราะจริงๆก็แอบกลัวคำตอบเหมือนกัน คือในสถานการณ์นั้นมันพูดอะไรไม่ออกด้วยแหละครับ เค้าอาจจะพาคนอื่นมาที่ห้อง นอนเตียงที่ผมเคยนอน หรือเลวร้ายที่สุดคือมีอะไรกันไปแล้วรึเปล่า เราทั้งคู่ต่างเป็นคนแรกด้วยกันทั้งคู่ เค้าเป็นผู้หญิงคนเดียวในชีวิตที่ผมมีอะไรด้วยและผมไม่คิดจะทำแบบนี้กับใครเลย แค่ภาพในหัวแว้บเข้ามาว่าเค้าไปมีอะไรกับผู้ชายอื่นก็ทรมานมากๆ แล้ว ไม่อยากรู้ความจริงเลย

พูดได้เลยว่าชีวิตนี้ นอกจากแม่แล้ว ก็มีผู้หญิงคนนี้แหละที่ผมสนิท ไว้ใจและรักมากที่สุด เราวางแผนสิ่งที่จะทำด้วยกันไว้เต็มไปหมด คิดไปถึงเรื่องแต่งงาน มีลูก อยากให้ลูกเป็นยังไง แก่แล้วจะไปไหน ทำอะไรกัน เค้าเป็นเหมือนชีวิตอีกครึ่งนึงที่ผมมีมาตลอด แต่ตอนนี้ผมรู้สึกกำลังโดนผู้หญิงที่ผมรักมาตลอดชีวิตฆ่า เยื่อใยของคนที่คบกันมาจะ 10ปี ไม่มีให้เห็นเลยจริงๆ ยังไงเค้าก็ยืนยันว่าต้องเลิกกัน เราไปกันไม่รอด


ถึงจะเจ็บแต่ผมก็อยากรู้ว่าใครคือคนที่แย่งความรักไปจากผม ผมถามเค้า ขอร้องให้เค้าบอกเถอะ ผมไม่ไปทำอะไรหรอก ผมอยากรู้จริงๆ ว่าผมพลาดอะไร คนนั้นดีกว่าผมตรงไหน เค้าบอกว่าเป็นรุ่นพี่ที่ทำงานด้วยกัน คนนี้ผมรู้จักครับ แค่บอกชื่อมาผมก็รู้เลยว่าผมแพ้ทุกอย่าง เค้าอายุมากกว่าผมประมาณ 5 ปี เป็นรองหัวหน้าฝ่ายที่แฟนผมทำงานอยู่ หน้าตาดี ผิวขาว หุ่นฟิตเนส แต่งตัวแบรนด์เนม บุคลิกดี หน้าที่การงานดี อัธยาศัยดี แล้วผมจะเอาอะไรไปสู้กับเค้า ไม่แปลกใจเลยที่ผู้หญิงจะชอบแบบนี้ ผมเสียใจมาก พยายามรับยังไงก็ไม่ไหว แต่พอรู้แบบนี้ ผมก็โกรธเค้าไม่ลงครับ พอผมย้อนกลับมามองตัวเองก็พอจะเข้าใจทุกอย่าง

แฟนผมเค้าก็ร้องไห้ไม่ต่างจากผม เค้าบอกว่าเค้าเสียใจนะที่ทำให้ผมเสียใจ แต่เค้าก็อยากให้ผมเข้าใจเค้าด้วย ที่ผ่านมาถึงผมจะไม่เคยทำให้เค้าเสียใจ ไม่เคยนอกใจ แต่ผมก็ต้องยอมรับว่าผมก็ไม่ได้ทำให้เค้ามีความสุขมากนัก เค้ามองไปถึงอนาคต เค้าอยากมีชีวิตที่สมบูรณ์ มีความสุข ในความเป็นจริง คำว่าความสุขไม่ใช่แค่ความรัก แต่ชีวิตมันต้องกินต้องใช้ ความสุขทางกาย ทางสังคมก็เหมือนกัน


หลายครั้งที่เค้าต้องปฏิเสธคนดีๆคนที่จะทำให้ชีวิตของเค้ามีความสุขได้มากกว่าผม เพราะเค้าไม่อยากทำร้ายผม แต่ตอนนี้เค้าอยากจะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ชีวิตของเค้าบ้าง เพราะผมไม่สามารถให้สิ่งที่เค้าต้องการได้ซักที ผมไม่เคยเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้นเลย ผมไม่สามารถดูแลเค้าได้เลย แม้แต่ตัวเองผมยังไม่เคยสนใจ เสื้อผ้าหน้าผม เงินเก็บผมก็ไม่ค่อยมี เวลาก็ไม่ค่อยมีให้เค้า พอมีคนที่ทำทุกอย่างได้ดีกว่าผม ให้สิ่งที่เค้าต้องการได้มากกว่าผม คนที่เค้าเลือก จึงเป็นคนอื่น ไม่ใช่ผม

หลังจากเลิกกัน ผมหายหน้าไปพักนึง ประมาณเดือนแรกๆ เพื่อนฝูงพ่อแม่เริ่มถามถึงแฟน หายไปไหน ไม่เจอเลย ไม่พามาหาเลย ผมก็ได้แต่กลบเกลื่อนไปว่าเค้ายุ่งๆ จนสักพักคนก็เลิกถามกันไปเอง คงจะรู้แล้วแหละว่าเราเลิกกันแล้ว หลังจากคิดทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้น ทบทวนสิ่งที่ตัวเองเป็น สิ่งที่เค้าทำ คนที่เค้าเลือก ผมก็เข้าใจและคิดได้ว่าสิ่งที่ผมควรจะทำต่อจากนี้คืออะไร ผมเคยมีคนที่ดีที่สุดคนนึงในชีวิต แต่ผมเสียเค้าไปเพราะผมไม่ทำตัวเองให้ดีพอและคู่ควรกับสิ่งที่ดีที่สุดนั้น วันนี้ผมจึงตั้งใจจะเปลี่ยนชีวิต เปลี่ยนโชคชะตาของผม ด้วยการเปลี่ยนจากภายใน ก็คือเปลี่ยนแปลงความคิดตัวเอง ผมจะไม่มานั่งเสียใจกับสิ่งที่ย้อนคืนมาไม่ได้อีกแล้ว


เริ่มจากอย่างแรก ถ้าผมจะมีอนาคตที่ดีขึ้น “เงิน” ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ผมได้เกือบทุกสิ่งที่ผมต้องการ ผมเริ่มต้นเก็บเงินอย่างจริงจัง 40% ของเงินเดือนผมเก็บใส่ธนาคารไว้ประจำทุกเดือน 10% ของเงินเดือนผมเอาไปลงทุนกับกองทุน ส่วนอีก 50% เอาไว้ใช้ส่วนตัวและแบ่งให้พ่อแม่ อาจจะยังไม่ได้เยอะมากมายอะไร แต่อย่างน้อยก็เป็นระบบระเบียบมากขึ้น

หลังจากเก็บเงินมาได้สักพักผมก็เริ่มหาสมบัติส่วนตัวชิ้นแรกให้ตัวเอง คือรถครับ ผมเอาเงินเก็บจำนวนหนึ่งไปดาวน์รถยนต์มือ 2 มาหนึ่งคัน เป็นอะไรที่ผมภูมิใจมาก ผมเริ่มมีกำลังใจในการเปลี่ยนแปลงตัวเองมากขึ้นจริงๆครับ

ผมเริ่มดูแลตัวเองมากขึ้นจากที่เมื่อก่อนไม่เคยโฟกัสเรื่องการดูแลตัวเองเพราะคิดว่าไม่ได้สำคัญเท่าเรื่องอื่น เมื่อก่อนผมยังเคยแอบคิดเลยเวลาเห็นเพื่อนที่ดูแลตัวเองมากๆว่าเสียเวลา แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าการดูแลตัวเอง เป็นจุดเริ่มต้นของการรักตัวเอง ผมเริ่มหาเวลาไปออกกำลังกาย ไปสมัครฟิตเนสแถวที่ทำงาน จะได้ไม่ต้องมีข้ออ้างว่าไม่มีเวลา เลิกงานตอนไหนก็เข้าฟิตเนสแทบจะทุกวัน


พอออกกำลังกายไปสักเดือนสอนเดือนเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงครับ เรื่องรูปร่างยังไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่หน้าตาสดใสขึ้นเยอะ พอเลือดลมดีขึ้นผิวพรรณอะไรมันเลยดีขึ้นตามไปด้วยผมคิดว่างี้นะ ลองเริ่มบำรุงเรื่องผิวมากขึ้น ช่วงแรกๆไปหาหมอที่คลินิคครับ ไปฉีดสิว กดสิว ก็หายไปเยอะเลยนะ แต่เหลือพวกรอย หลุม แล้วก็พวกสิวอุดตันเม็ดเล็กๆ พอมันน้อยลงเลยเปลี่ยนแผนเพื่อประหยัดงบไปในตัว เปลี่ยนมาเป็นใช้พวกครีมพวกยารักษาสิวแทน ก็ใช้ตามๆเพื่อนไปครับ ตัวไหนเพื่อนใช้แล้วมันบอกว่าดีก็ซื้อมาลองใช้วนไป

มาเริ่มรู้สึกตัวอีกที ตอนนี้ผมกลายเป็นผู้ชายในแบบที่ผมเคยแอนตี้ซะแล้ว ไม่เคยคิดเลยว่าโต๊ะของตัวเองจะเต็มไปด้วยของแบบนี้

หลังจากออกกำลังกาย+เริ่มดูแลหน้ารักษาสิวมาหลายเดือน ตอนนี้สุขภาพ หน้าตาสดใสขึ้น ความมั่นใจก็มากขึ้นครับ ผมเริ่มหันมาแต่งเนื้อแต่งตัวให้ดูดีขึ้น จากที่เคยโดนบ่นเรื่องการแต่งตัวจากทั้งที่บ้านและเพื่อนๆตอนนี้ถึงเวลาต้องเปลี่ยนจริงๆจังๆแล้วครับ หลายคนอาจจะบอกว่าเป็นตัวของตัวเองน่ะดีที่สุด แต่มันน่าจะดีกว่ามั้ย ถ้าเราจะเป็นคนใหม่ที่ดีกว่าเดิมอีกหน่อย


ที่เค้าบอกให้รักตัวเองดูแลตัวเองให้ดีแล้วสิ่งดีๆจะตามมาผมเริ่มเชื่อแล้ว อย่างน้อยตอนนี้ผมก็รู้สึกดีกับตัวเอง มั่นใจในการออกไปเจอคนอื่นมากขึ้น ใครจะมองว่าผมมีปมกับความรักจนกลายมาเป็นคนแบบนี้ก็คงไม่แปลก ผมยอมรับครับ นอกจากปัจจัยภายนอก ผมก็สนใจพัฒนาความรู้สึกภายในของตัวเองด้วย ผมออกไปเที่ยวมากขึ้น ผมกลายเป็นคนชอบเดินทางไปเที่ยวไกลๆ ไปที่ที่ไม่เคยไป ไปเจอผู้คนใหม่ๆ มันทำให้ผมได้เรียนรู้ได้แนวคิดการใช้ชีวิตใหม่ๆทุกครั้ง กลายเป็น Passion ของผมไปแล้ว ที่สำคัญที่สุดคือ ผมกลับมาให้ความสำคัญและให้เวลากับครอบครัวมากขึ้น พ่อกับแม่อยากไปเที่ยวไปกินข้าวไปทำบุญที่ไหนก็ขับรถพาไปทุกที่ เพราะผมว่ามันดีกว่าที่ผมอยู่คนเดียวแล้วคิดอะไรฟุ้งซ่าน

ผมสัญญากับตัวเองว่า ต่อไปนี้ผมจะรักและดูแลตัวเองให้มากขึ้น อย่างน้อยเพื่อคนที่รักผมมากที่สุดในโลกจะได้มีความสุข และผมจะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เป็นคนที่ดีขึ้นและมีคุณค่ามากขึ้นทุกวัน เพื่อที่วันนึง ถ้าผมเจอใครสักคนที่ผมรักและอยากจะดูแลเค้า ผมจะดีพอ ที่จะได้รับสิ่งที่ดีที่สุดจากเค้าเช่นกัน    

ที่ผมเล่าเรื่องนี้ เพราะผมอยากให้เรื่องของตัวเองเป็นข้อคิดให้ใครหลายๆคน เราทุกคนอยากมีความรัก และคนรักที่ดี เราอยากคบคนดีๆ คนอื่นก็เหมือนกันครับ เพราะฉะนั้น เราต้องเริ่มทำตัวเองให้ดีก่อน ให้ดีพอ! ที่คนอื่นจะอยากมารักเรา ก่อนที่คุณจะอ่านกระทู้นี้จบลง ผมอยากฝากไว้อย่างนึงครับว่า ถ้าคุณต้องการของที่มีค่า และในวันนั้นซึ่งคุณอาจจะยังไม่ดีพอที่จะคว้าสิ่งนั้น อย่ามัวแต่ตัดพ้อว่าเราไม่หล่อไม่รวยไม่ดีเหมือนคนโน้นคนนี้เลยครับ เอาเวลาไปสร้างคุณค่าให้ตัวเองดีกว่า

เพราะเมื่อใดที่คุณสร้างคุณค่าให้ตัวเองได้ เมื่อนั้น คุณจะเข้าใจความหมายของคำว่าคุณค่าของทั้งตัวคุณและผู้อื่นอย่างแท้จริง

ขอบคุณเรื่อง-รูปภาพจาก สมาชิกหมายเลข 3288415

Cr:http://www.zocialx.com/

loading...

You Might Also Like

0 ความคิดเห็น

Flickr Images