สาวหนอสาว!?!…เจอดี”แก๊งค์หน้าหล่อ” แถมปลอมเป็นคนในเครื่องแบบ ระทวยอวยอ่อนทุกราย เมียรองผกก.ยังเสร็จมัน มองบนกันเลยทีเดียว(รายละเอียด)

เมื่อเวลา 11.00 น.ของวันนี้ พ.ต.อ.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย รอง ผบก.สส.ภ.5 พร้อมชุดสืบสวนภาค 5 จับกุมตัวนายเกียรติขจร นาเมืองรักษ์ อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลแขวงชลบุรี ลงวันที่ 24 ม.ค. 2557 กระทำผิดฐาน “ยักยอกทรัพย์ ” หมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่ ที่ จ.82/2559 ลงวันที่ 9 ก.พ. 2559 โดยต้องหาว่ากระทำผิดฐาน “ร่วมกันลักทรัพย์โดยร่วมกระทำความผิดตั้งแต่สองคนขึ้นไปหรือรับของโจร “หมายจับศาลแขวงเชียงใหม่ ที่ จ.111/2559 ลงวันที่ 19 มี.ค. 2559 โดยต้องหาว่ากระทำผิดฐาน “ฉ้อโกงทรัพย์ ” หมายจับศาลแขวงเชียงใหม่ ที่ จ.228/2559 ลงวันที่ 17 พ.ค. 2559 ในความผิดตาม “พ.ร.บ.เช็คฯ “หมายจับศาลจังหวัดจันทบุรี ที่ จ.209/2559 ลงวันที่ 29 พ.ค. 2559 ในความผิดตาม “พ.ร.บ.เช็คฯ “หมายจับศาลจังหวัดจันทบุรี ที่ จ.210/2559 ลงวันที่ 29 พ.ค. 2559 ในความผิดตาม “พ.ร.บ.เช็คฯ “หมายจับศาลแขวงเชียงใหม่ ที่ จ.364/2559 ลงวันที่ 28 ก.ค. 2559 โดยต้องหาว่ากระทำผิดฐาน ” ยักยอกทรัพย์ “หมายจับศาลแขวงเชียงใหม่ ที่ จ.365/2559 ลงวันที่ 28 ก.ค. 2559 โดยต้องหาว่ากระทำผิดฐาน “ยักยอกทรัพย์”

ทางนาย พ.ต.อ.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย รอง ผบก.สส.ภ.5 เปิดเผยว่าการจับกุมตัวนายเกียรติขจร นั้นดั้งเดิมเป็นหัวหน้าแก๊งชื่อ “แก๊งหน้าหล่อ ” จะทำทีไปตีสนิทร้านเช่ารถและขอเช่ารถก่อนนำไปส่งชำแหละขายอะไหล่ โดย ทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนภาค 5 ได้บุกทลายโรงงานรับชำแหละรถ ที่อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ เมื่อปลายปี 2558 โดยมีผู้เสียหายจำนวนมากและหนึ่งในนั้นมีภรรยารองผกก.สส.ภาค 5 ก็ถูกเช่ารถไปแล้วนำรถไปชำแหละด้วย นอกจากนี้พฤติกรรมของแก๊งหน้าหล่อมักชอบไปหลอกลวงหญิงสาวในหลายพื้นที่ พอได้เงินจนผู้หญิงหมดตัว ก็จะชิ่งหนีไปเชิดทรัพย์สินทั้งหมด ซึ่งมูลค่าความเสียหายที่นายเกียรติขจร ได้ก่อไว้รวมๆแล้ว มากกว่า 20 ล้านบาท

บางครั้งผู้ต้องหารายนี้ก็จะเอาซองตราสัญลักษณ์ของตำรวจแขวนไว้ที่คอ ไปยืนหน้าตามสถานบันเทิงต่างๆในเชียงใหม่ทำทีเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบและจะหลอกลวงสาวอายุต่ำกว่า18 ปี ให้เข้าเที่ยวสถานบันเทิงได้ คนคุม หรือการ์ด ดูแลสถานบันเทิงนั้นก็ไม่กล้าที่จะมาขอตรวจสอบคิดว่าเป็นตำรวจจริงกระทั่งตำรวจจริงมาขอตรวจสอบก็พบว่าซองที่หอยคอนั้นเป็นซองโทรศัพท์ ไม่มีบัตรหรือเอกสารที่ระบุว่าเป็นตำรวจแต่อย่างใด พบแต่เพียงสัญญลักษณ์ บนซองใส่โทรศัพท์มือถือเท่านั้น เมื่อถูกจับได้ก็จะหาทางพาตัวเองหายไป ทางเจ้าหน้าที่ก็ไม่สามารถที่จะเอาผิดได้